https://chat.foxbot.app/webchat/?p=1116283&id=RA4oWc5dayKYU8B9
Video Marketing Form V2

โปรดกรอกฟอร์ม ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชม.

หลังจาก กดส่งฟอร์มแล้ว รบกวนเช็คที่อีเมล Inbox หรือ Junk Mail ทางระบบเราจะมีส่งข้อมูลเพิ่มเติม และตอบกลับให้ทางเมล ภายใน 5 นาที

ติดต่อเรา

เปิดร้านค้าออนไลน์บน WordPress ต้องลงปลั๊กอินตัวไหนบ้าง?

WordPress เป็นแพลตฟอร์ม CMS (Content Management System) หรือเว็บไซต์สำเร็จรูปที่เราสามารถนำมาออกแบบและสร้างเว็บไซต์ของตัวเองได้ เป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะคนที่อยากเปิดร้านขายสินค้าแบรนด์ตัวเอง เจ้าของธุรกิจ และคนอยากมีเว็บไซต์ขายของของตัวเองโดยเฉพาะ ซึ่งการใช้ WordPress ก็ง่ายและสะดวกมาก เพราะมี “ปลั๊กอิน (Plugin) ที่ทำให้การเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะสร้างแคตตาล็อกสินค้าหรือทำระบบชำระเงิน มือใหม่ก็ทำได้!

เปิดร้านค้าออนไลน์บน WordPress ต้องลงปลั๊กอินตัวไหนบ้าง?

รวมปลั๊กอิน WordPress สำหรับคนอยากเปิดร้านขายของออนไลน์

1. WooCommerce

WooCommerce เป็นปลั๊กอินขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับหนึ่งบน WordPress  มีการพัฒนาและอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์เพิ่มเติมและธีม (Theme) ให้เลือกปรับแต่งมากมาย ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง จะขายสินค้าจริงที่จับต้องได้หรือสินค้าประเภทดิจิทัลอย่าง E-Book ก็รองรับ มีความปลอดภัยสูง รองรับระบบการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ ทำให้เลือกสร้าง Payment Gateway ที่เหมาะสมกับร้านของเราได้ง่ายกว่า

2. WP eCommerce

ปลั๊กอิน WP eCommerce เป็นปลั๊กอินขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมบน WordPress เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีระบบช่วยเหลือผู้ใช้งานที่ดี พร้อมแนวทางการใช้งานแบบละเอียด ปรับแต่งได้ค่อนข้างอิสระ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความง่าย สะดวก ไม่ต้องมีฟีเจอร์เยอะเกินจำเป็น โดยสามารถเลือกปรับแต่ง Dashboard ของปลั๊กอินให้มีเฉพาะส่วนเสริมที่เราต้องการจริง ๆ ได้

3. Cart66

Cart66 เป็นปลั๊กอินขายของออนไลน์ WordPress ที่เหมาะกับผู้ใช้งานมือใหม่ เพราะฟีเจอร์ส่วนเสริมต่าง ๆ ที่จำเป็นถูกลงไว้ให้เรียบร้อยในตัว ไม่ต้องเลือกเพิ่มส่วนเสริมเองให้ปวดหัว จึงเหมาะกับผู้เริ่มต้นทำเว็บขายของออนไลน์ด้วยตัวเองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังรองรับทั้งสินค้าจริงและการขายไฟล์ดิจิทัล รองรับการชำระเงินมากกว่า 100 รูปแบบ เรียกได้ว่าครบเครื่องจริง ๆ

4. BigCommerce

BigCommerce เป็นทั้งปลั๊กอินและ CMS ในตัวเอง จึงน่าสนใจสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่เพราะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง สามารถเชื่อมต่อร้านค้าแพลตฟอร์มอื่นเข้ามาได้ เช่น ร้านค้าบนเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ยังมีพาร์ทเนอร์เยอะทำให้รองรับ Payment Gateway หลายช่องทาง เหมาะสำหรับเจ้าของแบรนด์หรือธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูง และต้องการตัวช่วยลงขายสินค้าบนเว็บไซต์ที่มีความเสถียร

5. Easy Digital Downloads (EDD)

ปิดท้ายกันที่ปลั๊กอิน EDD หรือ Easy Digital Downloads สำหรับเจ้าของร้านที่เน้นขายสินค้ารูปแบบไฟล์ดิจิทัลโดยเฉพาะ เช่น E-Book หรือไฟล์เสียง หน้าตาของปลั๊กอินเรียบง่าย ใช้งานง่าย ไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถตั้งค่าได้ด้วยตัวเอง ไม่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมให้โหลดมาใช้งาน ทั้งการสร้าง Payment Gateway รูปแบบต่าง ๆ และเครื่องมือทางกรตลาดอื่น ๆ ด้วย

ใครที่อยากขายของออนไลน์บนเว็บไซต์ WordPress ของตัวเอง การมีปลั๊กอินจะช่วยให้มีร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น เพียงเลือกปลั๊กอินให้เหมาะสมกับร้านค้าของเรา ไม่ว่าจะสร้างเว็บไซต์ แคตตาล็อกสินค้า หรือสร้างระบบรับชำระเงิน ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

บทความที่เกี่ยวข้อง: ลงประกาศขายของมือสองออนไลน์กับ Kaidee ต้องทำอย่างไร?

I Plan Digital Agency
I Plan Digital Agency
Articles: 281
4 เทคนิคเพิ่มยอดขายด้วย TikTok Ads (TikTok Shop Part 11) 4 แนวทางขายของบน TikTok Shop ให้โดนใจสายแม่บ้าน สรุป 5 สถิติ TikTok Shop ประจำปี 2566 เช็กลิสต์ 5 สินค้าขายดีบน TikTok ปี 2023 5 เรื่องต้องรู้! ก่อนขายของบน TikTok