https://chat.foxbot.app/webchat/?p=1116283&id=RA4oWc5dayKYU8B9
Video Marketing Form V2

โปรดกรอกฟอร์ม ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชม.

หลังจาก กดส่งฟอร์มแล้ว รบกวนเช็คที่อีเมล Inbox หรือ Junk Mail ทางระบบเราจะมีส่งข้อมูลเพิ่มเติม และตอบกลับให้ทางเมล ภายใน 5 นาที

ติดต่อเรา

10 ขั้นตอนง่าย ๆ สร้าง Landing Page เขียนโปรแกรมไม่เป็นก็ทำได้!

Share

landing-page

Landing Page ในเชิงการทำการตลาดออนไลน์นั้น เป็นหน้าเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบเพื่อวัตถุประสงค์ใดเป็นการเฉพาะ ซึ่งมี

ประโยชน์กับธุรกิจเป็นอย่างมาก นอกจากช่วยดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วย และนื่คือ  10 ขั้นตอนสร้าง Landing Page ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะเชี่ยวชาญในการเขียนโปรแกรมใด ๆ

 

1. รู้ว่าเมื่อใดควรใช้ Landing Page

Landing Page มีความสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์อย่างมาก จึงควรรู้ว่าควรจะใช้ Landing Page กับเว็บไซต์ของคุณเมื่อใด ซึ่งหากกำลังทำแคมเปญโฆษณา หรือโปรโมชั่นออนไลน์อยู่ Landing Page จะช่วยสร้างโอกาสในการขายจากกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

ดังนั้น ถ้าคุณเป้าหมายทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจง อาทิ เพิ่มยอดขาย หรือเพิ่มยอดสมัครสมาชิก ลงทะเบียนต่าง ๆ การสร้าง Landing Page เป็นการกระตุ้นให้เกิด Call to action ได้อย่างตรงจุดที่สุด ต่างจากการหน้าเว็บไซต์ที่เป็นการเพิ่มการรับรู้ในตัวแบรนด์ให้มากขึ้น แต่ไม่ได้ต้องการให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เกิดการตัดสินใจหรือดำเนินการใด ๆ

 

2. ตั้งเป้าหมายแคมเปญของคุณ

Landing Page ที่มีประสิทธิภาพต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลทางการตลาดได้ ซึ่งจะช่วยให้รู้ว่าสิ่งที่ต้องการในหน้า Landing Page คืออะไร

  • หากต้องการเพิ่มยอดขาย Landing Page สามารถช่วยคุณเปลี่ยนคนที่ท่องอินเทอร์เน็ตให้กลายมาเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินซื้อสินค้าได้ ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการโปรโมทหรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย
  • หากต้องการให้เกิด Conversion หรือการดำเนินการใด ๆ อาทิ สมัครสมาชิก กดสั่งซื้อสินค้ค้า คุณสามารถใช้ Landing Page เพื่อช่วยให้เกิด Conversion จากผู้ที่เข้ามาชมได้มากขึ้น
  • หากต้องการสร้างลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น การใช้ Landing Page สามารถช่วยคุณได้ ด้วยการเสนอให้ผู้เยี่ยมชมลงทะเบียนเพื่อรับตัวอย่างสินค้าฟรี ทดลองใช้สินค้าฟรี หรือรับคำปรึกษาจากทีมขาย

 

3. ร่างสำเนาหน้า Landing Page

ก่อนจะสร้าง Landing Page ควรจะมีการร่างสำเนาเป็นอย่างแรก ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้าง Conversion อย่างยิ่ง โดยสิ่งสำคัญในการออกแบบ Landing Page  คือ ต้องอ่านง่าย มีข้อความไม่ยาวจนเกินไป ต้องมีพาดหัวที่น่าสนใจ และชัดเจน รวมถึงโฟกัสในสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่คลิกเข้ามาดู เพราะมีเวลาไม่ถึง 15 วินาที ในการดึงความสนใจคนเหล่านั้น

 

4. สร้าง Call to Action (CTA) อย่างมีชั้นเชิง

การกระตุ้นให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมหน้า Landing Page เกิดการตัดสินใจด้วยปุ่ม  Call to Action (CTA) ต้องมีข้อความที่เฉพาะเจาะจง เช่น “Start Your Free Trial” (เริ่มทดลองใช้งานฟรี) แทนการใช้คำกว้างอย่าง “Learn More” (เรียนรู้เพิ่มเติม) หรือ “Get Started”(เริ่มใช้งาน) หรือหากเป็นแบบฟอร์มให้กรอกก็ควรจะทำให้ใช้งานง่าย และไม่ยาวจนเกินไป  ซึ่งข้อดีของ Landing Page คือไม่มีสิ่งอื่นมารบกวนสายตา เพราะฉะนั้นถ้าต้องการให้เกิดการตัดสินใจ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใส่ลิงก์ให้กดไปยังหน้าอื่น ๆ

 

5. เลือกรูปภาพที่ต้องการนำเสนอ

การเลือกรูปภาพที่คุณต้องการนำเสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นภาพสินค้า ภาพสต็อกสินค้า หรือภาพประกอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

  • เลือกภาพที่เป็นจุดขายทางธุรกิจ ภาพที่เลือกควรมีความสำคัญกับธุรกิจบนหน้า Landing Page ด้วยรูปภาพขนาดคมชัดและสวยงาม เพื่อสร้างแรงดึงดูดผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้น
  • เลือกกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ โดยใช้ภาพของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จริงแสดงบนหน้า Landing Page เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการ
  • เลือกใช้ภาพผลิตภัณฑ์ หรือภาพประกอบที่ช่วยบอกเล่าสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอ เพราะคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยอ่านข้อความของคุณแบบครบทุกตัวอักษร

 

6. ออกแบบหน้า Landing Page

หมดยุคของการเขียนโค้ด HTML และ CSS  แล้ว เพราะทุกวันนี้เราสามารถสร้างหน้า Landing Page ได้ง่าย ๆ ด้วยเทมเพลทสำเร็จรูปที่สามารถทำให้เกิด Conversion ได้  จากนั้นก็จัดองค์ประกอบต่าง ๆ  ให้สวยงาม

สิ่งสำคัญ หน้า Landing Page จะต้องมีความกลมกลืนกับหน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์ เพื่อให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งรวมถึงฟอนต์ตัวหนังสือ สีที่เลือกให้ตรงกับแบรนด์ของคุณ และโลโก้ด้วย ขณะเดียวกัน เมื่อเปิดดูจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต การแสดงผลของหน้า Landing Page ก็ต้องอ่านได้ง่าย และพอดีกับหน้าจอมือถือ หรือที่เรียกกันว่า Mobile-Friendly ด้วย

 

7.การเชื่อมต่อหน้า Landing Page กับโดเมนธุรกิจ

เมื่อออกแบบ Landing Page เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องตั้งค่าการวิเคราะห์ และผสานรวมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อการเชื่อมต่อกับโดเมนธุรกิจของคุณด้วย

  • ตั้งค่า URL โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่เป็นที่นิยมกันอย่าง WordPress
  • เพิ่ม Tracking และ Custom Scripts Embed เช่น Google Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ที่คลิกเข้ามาชม Landing Page
  • เพิ่มเครื่องมือทางการตลาด เพื่อเชื่อต่อกับ ระบบ Customer Relationship Management (CTM) ในการเก็บข้อมูลลูกค้า ตอบคำถามลูกค้า และนำเสนอสินค้าและบริการต่าง ๆ

 

8. ตรวจสอบตัวอย่างและเผยแพร่

ก่อนที่จะเปิดตัวแคมเปญทางการตลาด และกดเผยแพร่บนหน้า Landing Page ให้ตรวจสอบความถูกต้องอย่างรอบคอบอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนจะเปิดตัวแคมเปญต่าง ๆ ออกสู่สาธารณะ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสำเนาตัวอย่าง ตรวจสอบ SEO และตรวจสอบแบบฟอร์มการทำการตลาดด้วย

 

9. เพิ่มการเข้าชม Landing Page

เมื่อต้องการเพิ่มการเข้าชมไปยังหน้า Landing Page ก็ต้องใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์ ทั้งการใช้ Pay Per Click (PPC) ด้วยการลงโฆษณาหน้าแรกผ่าน Google Ads , โฆษณาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ  ทั้ง Facebook, Instagram, Twitter และ LinkedIn รวมถึง Email Marketing  ซึ่งเป็นการทำการตลาดผ่านอีเมล เพื่อให้เข้ามายังหน้า Landing Page ของคุณ

 

10. ทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพ

เมื่อสร้างหน้า Landing Page แล้ว อย่าลืมทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้เกิด Conversion ในอัตราที่สูงขึ้นด้วย อาทิ ทำหน้า Landing Page  ซ้ำ แล้วลองปรับเปลี่ยนตัวแปรใหม่ๆ เพื่อทดสอบว่าแบบใดได้ประสิทธิผลสูงสุด เช่น เปลี่ยนรูปแบบการพาดหัวใหม่, สลับตำแหน่งของปุ่ม CTA เป็นต้น

iPlan Digital
iPlan Digital
Articles: 70
4 เทคนิคเพิ่มยอดขายด้วย TikTok Ads (TikTok Shop Part 11) 4 แนวทางขายของบน TikTok Shop ให้โดนใจสายแม่บ้าน สรุป 5 สถิติ TikTok Shop ประจำปี 2566 เช็กลิสต์ 5 สินค้าขายดีบน TikTok ปี 2023 5 เรื่องต้องรู้! ก่อนขายของบน TikTok