

การทำ SEO กลายเป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมและมีคนให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะช่วยให้เราได้โปรโมตเว็บไซต์และทำให้เว็บมีโอกาสติดอันดับการค้นหาดี ๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่เงื่อนไขหรือหลักของ Google ในการจัดอันดับเว็บไซต์นั้นเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอด ลองมาดูกันว่าในปีนี้จะมีแนวทางทำ SEO อย่างไรให้ถูกใจ Google แบบฉบับอัปเดตล่าสุด
มีหลายปัจจัยที่อัลกอริทึมของเซิร์ชเอ็นจินใช้ในการวิเคราะห์ และปัจจัยเหล่านั้นก็มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใช้และความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของ AI ซึ่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการทำ SEO จัดลำดับความสำคัญไว้ดังนี้
การลอกบทความจากเว็บไซต์อื่น ๆ มาลงบนเว็บของเราไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะ Google สามารถตรวจจับการก็อปปี้ได้ และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ทางที่ดีควรเรียบเรียงเขียนเนื้อหาใหม่ขึ้นเอง หากมีข้อมูลส่วนใดอ้างอิงมาจากเว็บไซต์อื่น ก็ควรใส่ลิงก์อ้างอิงด้วย
การจัดวางคีย์เวิร์ดบนหน้าเว็บเพจมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้ Bot ของ Google เข้าใจว่าหน้าเว็บนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เทคนิคคือการใส่คีย์เวิร์ดที่หัวเรื่องหลัก, หัวเรื่องย่อย, ในเนื้อหา 100 คำแรกของบทความ, ในรูปภาพ และกระจายคีย์เวิร์ดให้ทั่วบทความ โดยไม่เกิน 1.5% ของจำนวนคำทั้งหมด
รูปภาพเป็นสิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์หลายคนอาจมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วสำคัญมาก เพราะ Bot ไม่สามารถมองเห็นรูปได้เหมือนคน เราจึงต้องใส่ Alt Text โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ Google รู้ว่ารูปบนเว็บของเราเกี่ยวกับอะไร
เมื่อมีคนคลิกเข้ามาดูเว็บของเราและคลิกออกไปทันที พฤติกรรมนี้จะส่งผลกระทบต่ออันดับ SEO ดังนั้นต้องพยายามสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ ดึงดูดให้ผู้ชมใช้เวลาอยู่บนหน้าเว็บนาน ๆ เช่น การใส่รูปภาพสวย ๆ คลิปวิดีโอที่กดดูบนเว็บได้เลย เนื้อหาที่มีประโยชน์และชวนให้อ่านจนจบ เป็นต้น
การตั้งค่า URL มีผลต่อการทำ SEO ด้วยเช่นกัน โดย URL ของเว็บไซต์ควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย หรือหากใครสามารถตั้งตามคีย์เวิร์ดที่ตัวเองต้องการเลือกใช้ได้ก็ยิ่งดี
สร้างเว็บไซต์ให้มีโครงสร้างที่ดี ด้วยการทำลิงก์เชื่อมโยงไปยังส่วนต่าง ๆ ของเว็บ วิธีนี้นอกจากจะทำให้ Google มองว่าเว็บของเรามีโครงสร้างชัดเจน มีการเชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บแล้ว ยังเป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มคนเข้าชมหน้าเว็บเก่า ๆ ด้วยการนำลิงก์มาแปะในเนื้อหาบทความใหม่ ๆ เพื่อลิงก์กลับไปยังบทความเก่าด้วย
พฤติกรรมผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันเปลี่ยนไป ผู้คนต้องการความสะดวกและรวดเร็ว หากเว็บไซต์ใช้เวลาโหลดนานเกินไป อาจทำให้ผู้เข้าใช้งานเบื่อจนกดปิดหน้าเว็บได้ ดังนั้นพยายามสร้างเว็บไซต์ให้เบาและเร็วที่สุด และหมั่นตรวจเช็กข้อผิดพลาด หรือหาคำแนะนำจาก Google PageSpeed Insights อยู่เสมอ
Title ของเว็บไซต์ไม่ควรเกิน 71 ตัวอักษร เพื่อให้สามารถแสดงผลบน Google ได้อย่างครบถ้วน ส่วนเทคนิคก็คือควรวางคีย์เวิร์ดไว้ที่คำแรกเสมอ แล้วจึงเพิ่มคำเชิญชวนที่น่าดึงดูดเข้าไปต่อท้าย
ตามจริงแล้ว Google แจ้งว่าไม่ได้นำ Description มาเป็นปัจจัยในการติดอันดับการค้นหา แต่คำอธิบายเว็บไซต์หรือ Description มีผลต่อการเชิญชวนให้คนคลิกเข้ามาที่หน้าเว็บของเรา ดังนั้นควรเขียน Description ให้กระชับ ดึงดูด และมีคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมด้วย
Favicon คือไอคอนรูปขนาดเล็กที่ปรากฏอยู่บนแท็บเวลาเราเปิดเว็บไซต์ รวมถึงปรากฏเวลาบันทึกเว็บไซต์ใน Bookmark ซึ่งมีส่วนสำคัญกว่าที่คิด เพราะการมีรูป Favicon นั้นช่วยดึงดูดให้ผู้ใช้งานอยากเปิดเว็บของเรามากขึ้น ดูมีความมืออาชีพมากขึ้น
และนี่ก็คือ 10 เทคนิคการทำการตลาดออนไลน์ด้วย SEO ที่อัปเดตที่สุด ดังนั้นใครอยากให้เว็บไซต์ถูกใจ Google และยังดีต่อผู้ใช้งานเว็บไซต์ของเราเอง ลองนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณได้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง: เปรียบเทียบ SEO VS SEM ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับเหมือนกัน แต่ต่างกันอย่างไร?