https://chat.foxbot.app/webchat/?p=1116283&id=RA4oWc5dayKYU8B9
Video Marketing Form V2

โปรดกรอกฟอร์ม ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชม.

หลังจาก กดส่งฟอร์มแล้ว รบกวนเช็คที่อีเมล Inbox หรือ Junk Mail ทางระบบเราจะมีส่งข้อมูลเพิ่มเติม และตอบกลับให้ทางเมล ภายใน 5 นาที

ติดต่อเรา

เปรียบเทียบระบบ Ticket 15 แบรนด์ดัง เลือกซอฟต์แวร์เจ้าไหนดี?

ระบบ Ticket (Ticketing System) ถือว่าจำเป็นต่อการทำธุรกิจ หากต้องการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เมื่อส่งคำร้องหรือแจ้งปัญหาเข้ามา โดยปัจจุบันมีระบบ Ticket ในการออกใบสั่งงาน (Ticket) ให้เลือกหลายแบรนด์ 

วันนี้เรารวบรวม 15 แบรนด์ดังมาเปรียบเทียบให้ดูกันว่าแต่ละแบรนด์มีฟีเจอร์หลักที่เด่น ๆ อะไรบ้าง รวมถึงมีราคาเริ่มต้นต่อเดือนเท่าไร และมีให้ทดลองใช้งานได้ฟรี หรือมี Free Plan ให้เลือกใช้งานหรือไม่ เพื่อเลือกใช้งานให้เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

เปรียบเทียบระบบ Ticket 15 แบรนด์ดัง
เปรียบเทียบระบบ Ticket 15 แบรนด์ดัง เลือกซอฟต์แวร์เจ้าไหนดี?

1. Zendesk

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 49 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ทดลองฟรี 14 วัน

ฟีเจอร์หลัก 

  • สนับสนุนการใช้งานแบบข้าม Channel และมี Agent Workspace ที่ทีมสามารถตอบกลับลูกค้าได้ในช่องทางเดียว
  • User Interface ใช้งานง่ายแต่ทรงพลัง
  • ครอบคลุมรายละเอียดและบริบทต่าง ๆ ของลูกค้า
  • มีระบบติดตามปัญหาที่ลูกค้าแจ้งเข้ามาแบบ Built-in 
  • สามารถกำหนดเส้นทางการออก Ticket ตามที่กำหนดได้
  • ทั้ง Live Chat และ Chatbot ที่ดำเนินการโดย AI สามารถปรับแต่งได้ 

2. Zoho Desk  

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user 

ระยะเวลาใช้งานฟรี: มี Free Plan ให้เลือก 

ฟีเจอร์หลัก 

  • ใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Zoho ได้ทั้งหมด
  • มีทั้งรายงานแบบมาตรฐานและรายงานที่มีเทมเพลตมาให้
  • รองรับได้หลากหลายช่องทาง
  • อีเมลและฟีเจอร์ต่าง ๆ ใช้งานง่าย 

3. Freshdesk

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 15 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user

ระยะเวลาใช้งานฟรี: มีทั้งให้ทดลองฟรี และมี Free Plan ให้เลือก

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีฟังก์ชันการใช้งานที่เรียบง่าย
  • สามารกำหนดมุมมองของใบสั่งงานได้ 
  • มีทรัพยากรให้ใช้สำหรับการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่

4. HappyFox

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 39 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ไม่มี 

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีการจัดการ SLA (ข้อตกลงระดับการให้บริการระหว่างผู้ให้บริการกับลูกค้า) 
  • สามารถกำหนด Domain Mapping ของอีเมลได้
  • มีรายงานพื้นฐาน
  • มีระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ

5. WordPress Advanced Ticket System

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: ใช้งานได้ฟรี

ระยะเวลาใช้งานฟรี: มี Free Plan ให้เลือก 

ฟีเจอร์หลัก 

  • สามารถแนบไฟล์ได้ 
  • สามารถกำหนดเส้นทางการออก Ticket ผ่านอีเมลได้
  • มีสถิติเป็นไฟล์ดิบให้

6. Help Scout

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user  

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ทดลองฟรี 15 วัน

ฟีเจอร์หลัก 

  • สื่อสารได้รวดเร็วและตรวจสอบได้
  • สามารถกำหนดเส้นทางการออก Ticket และจัดลำดับความสำคัญได้
  • มีระบบอัตโนมัติพื้นฐานตามกฎ
  • มีออปชันให้เลือกหลายราคา

7. LiveAgent

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 15 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user  

ระยะเวลาใช้งานฟรี: มีทั้งให้ทดลองฟรี และมี Free Plan ให้เลือก

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีรายงานขั้นสูง (Advanced Reporting) 
  • ไม่จำกัดจำนวน Email address
  • มี API (โปรแกรมเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการกับลูกค้า)  
  • มี Community Forum สำหรับสอบถามและขอความช่วยเหลือ 

8. KB Support

ราคาเริ่มต้นต่อปี: 74 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user 

ระยะเวลาใช้งานฟรี: มีปลั๊กอินให้ใช้งานฟรี 

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีฟีเจอร์ให้ใช้งานฟรี และใช้งานร่วมกับ WordPress ได้
  • มีเครื่องมือต่างๆ สำหรับแจ้งฟีดแบ็กลูกค้า 
  • มีระบบอัตโนมัติ
  • ใช้งานร่วมกับ MailChimp และ WooCommerce ได้

9. Vision Helpdesk

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 12 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user 

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ทดลองฟรี 30 วัน

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีเครื่องมือการออก Ticket ให้เลือกหลากหลาย
  • รองรับได้หลากหลายช่องทาง
  • มีกล่องข้อความ (Inbox) ที่สามารถใช้ร่วมกันได้
  • มีการทำงานอย่างเป็นลำดับขั้นตอน 

10. HubSpot Service Hub   

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 45 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ทดลองฟรี 14 วัน

ฟีเจอร์หลัก 

  • สามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ HubSpot ได้ทั้งหมด
  • มีทั้ง API และ SDK (เครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์) ที่ทำงานร่วมกันได้
  • มีการจัดการเรื่องการออก Ticket

11. Front

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 19 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user  

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ไม่มีให้ทดลองใช้ฟรี  

ฟีเจอร์หลัก 

  • สามารถใช้งานได้สูงสุด 10 user
  • ออก Ticket ได้ทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย, อีเมล, แชต และข้อความ SMS 
  • มีเทมเพลตในการออก Ticket

12. AzureDesk 

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 33 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ทดลองฟรี 14 วัน

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีการทำงานร่วมกันระหว่างฟีเจอร์รายงาน Helpdesk กับการออก Ticket
  • รองรับระบบการจัดการ Ticket ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO
  • User Interface ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย

13. SupportBee 

ราคาเริ่มต้นต่อเดือน: 13 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ทดลองฟรี 14 วัน

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีข้อมูลขั้นพื้นฐานให้ลูกค้า
  • ลูกค้าสามารถให้คะแนนความพึงพอใจได้
  • มีระบบยืนยันตัวตน 2 ชั้น 
  • มีกล่องข้อความ (Inbox) ที่สามารถใช้ร่วมกันได้

14. Awesome Support

ราคาเริ่มต้นต่อปี: 149 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user 

ระยะเวลาใช้งานฟรี: มี Free Plan ให้เลือก 

ฟีเจอร์หลัก 

  • ไม่จำกัดจำนวน Ticket และจำนวนผู้ใช้งาน
  • สนับสนุนการทำงานผ่านอีเมล
  • มีคำถามที่พบบ่อย (FAQ)
  • ทำงานร่วมกับ Mailchimp และ WooCommerce ได้

15. TeamSupport

ราคาเริ่มต้นต่อปี: 49 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อผู้ใช้งาน 1 user

ระยะเวลาใช้งานฟรี: ไม่มีให้ทดลองใช้ฟรี  

ฟีเจอร์หลัก 

  • มีข้อมูลพื้นฐานของลูกค้า
  • มีการจัดการข้อมูลขั้นพื้นฐาน
  • มีบริการ Omnichannel 
  • มีระบบออก Ticket อัตโนมัติ
  • สามารถเชื่อมต่อการทำงานระหว่าง API กับ 3rd Party ได้ 

ที่มา: zendesk.com

บทความที่เกี่ยวข้อง: ระบบ Ticket คืออะไร และจำเป็นต่อธุรกิจของคุณอย่างไร?

I Plan Digital Agency
I Plan Digital Agency
Articles: 281
4 เทคนิคเพิ่มยอดขายด้วย TikTok Ads (TikTok Shop Part 11) 4 แนวทางขายของบน TikTok Shop ให้โดนใจสายแม่บ้าน สรุป 5 สถิติ TikTok Shop ประจำปี 2566 เช็กลิสต์ 5 สินค้าขายดีบน TikTok ปี 2023 5 เรื่องต้องรู้! ก่อนขายของบน TikTok