

การปรับรูปแบบความส่วนตัวนั้น เป็นการเปลี่ยนการตลาดด้วยการเปลี่ยนประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มผลกำไร ทางธุรกิจ ด้วยการสร้างการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น มีผู้ประกอบการหลายรายต่างมองหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ กลุ่มลูกค้าได้ตรงใจมากที่สุด บทความนี้เป็นการแบ่งปันความรู้และสร้างความเข้าใจของการตั้งค่าการตลาดแบบส่วนบุคคลเพื่อให้ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับการตลาดแบบส่วนบุคคลก่อนเลยเป็นอันดับแรก
Personalized Marketing คืออะไร?
เป็นแนวคิดและวิธีการนำเสนอสินค้าและบริการผ่านคอนเทนต์ ช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ และราคาที่ตรงใจผู้บริโภค ให้มากที่สุด แบบเฉพาะเจาะจงลูกค้ารายบุคคลตามความต้องการ โดยพิจารณาและวิเคราะห์จากพฤติกรรมของ ผู้บริโภคเป็นหลักสำคัญ
ดังนั้น Personalized Marketing เป็นการทำตลาดให้เป็นแบบส่วนตัว หรือที่เรียกว่าการตลาดเฉพาะบุคคล หรือการตลาดแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One To One Marketing) คือ การเรียนรู้การใช้ข้อมูลเพื่อส่งข้อความ ของแบรนด์ออกสู่กลุ่มเป้าหมาย วิธีนี้จะแตกต่างจากการทำตลาดรูปแบบเดิมที่เกิดรายได้น้อย เช่น ป้ายโฆษณา, การโทร, การส่งจดหมายและวิธีอื่น ๆ การตลาดรูปแบบเดิมจะเน้นปริมาณข้อความ แต่การทำตลาดแบบส่วนตัวเป็นการเปลี่ยนวิธีการด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ประโยชน์ เพื่อส่งข้อความที่เกี่ยวข้องมาก ที่สุดและในช่วงเวลา ที่เหมาะสมออกไปสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายแทน
ทำไมต้องทำการตลาดแบบ Personalized Marketing?
การตลาดรูปแบบเดิมจากที่ผ่านมา มีผลวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า 63% ของผู้บริโภครู้สึกรำคาญและเบื่อหน่ายในวิธีการขายด้วยวิธีการตลาดที่นำเสนอข้อความโฆษณาแบบซ้ำ ๆ เพราะสิ่งที่ลูกค้าต้องการ คือ การปรับเปลี่ยนการตลาด ในแบบส่วนบุคคล จากผลการสำรวจ Epsilon ของผู้บริโภค 1,000 รายที่มีอายุระหว่าง 18-64 ปี พบว่า
และพบอีกว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ ยินดีที่จะมอบข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้คุณใช้ประโยชน์ในการช็อปปิ้งออนไลน์
กลยุทธ์การปรับแต่งการตลาดในแบบของคุณ
การกำหนดประโยชน์ที่ลูกค้าต้องการ เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ ประโยชน์เหล่านั้นต้องมีความแตกต่างกันไปในแต่ละ สถานการณ์ของแต่ละธุรกิจ ด้วยการใช้ 3 กลยุทธ์ทางการตลาดส่วนบุคคลที่สำคัญนี้ในการสร้างแบรนด์ ด้วยการวางแผนการตลาดที่แข็งแกร่งในแบบของคุณ:
ลูกค้าทุกคนคาดหวังให้เรารู้ถึงความต้องการ เมื่อพวกเขาค้นหาในแถบการค้นหา ลูกค้าคาดหวังว่าจะมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ การวิเคราะห์ถึงความต้องการของลูกค้าว่าต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้มากที่สุด เช่น “ลูกค้าต้องการอะไร? พวกเขากำลังมองหาอะไร?”
ข้อได้เปรียบในการรู้รายละเอียดส่วนบุคคลและพฤติกรรมลูกค้า ทำให้คุณสามารถวิเคราะห์หรือพิจารณาถึงแนวโน้ม ที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ เช่น เมื่อจองเที่ยวบิน สายการบินถามว่าคุณต้องการประกันการเดินทางหรือไม่? คุณต้องการจอง ห้องพักในโรงแรมหรือไม่? หรือคุณจะต้องเช่ารถหรือไม่? สิ่งเหล่านี้จะช่วยการสร้างประสบการณ์ที่เป็นมากกว่าการ บินให้กับลูกค้า
ดังนั้น การตั้งค่าส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จในช่องทางนั้นก็เหมือนกับการเล่นหมากรุก คุณต้องคิดคาดการณ์การเดินเกมได้ก่อนล่วงหน้า นี่คือประโยชน์ของการตลาดเฉพาะบุคคล แบบ Personalized Marketing นั่นเอง
กลยุทธ์ด้านการตลาดแบบส่วนบุคคล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจของคุณได้ ดังนี้
ลูกค้าต้องการเนื้อหาที่ปรับให้เป็นส่วนตัวแบบเฉพาะเจาะจง ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ผ่านมาจึงสร้างโอกาสที่มีแนวโน้มมากขึ้นที่ลูกค้าจะตอบสนองต่อข้อความนั้น
การปรับปรุงการตลาด แสดงให้เห็นว่ายิ่งปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของคุณมากเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกค้าจะซื้อก็จะยิ่งมากขึ้น เท่านั้น
เมื่อลูกค้าได้รับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์แล้ว จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ถึงแนวโน้มความต้องการของ ลูกค้าได้ง่ายขึ้น และสิ่งที่คุณต้องทำต่อไปคือ การนำเสนอสินค้าใหม่ด้วยการให้คำแนะนำที่มีคุณค่า เพื่อสร้างแรง บันดาลใจให้เกิดขึ้นด้วยการใช้ช่องทางแนะนำเพิ่มเติม เช่น อีเมล การโฆษณา การโพสต์ เป็นต้น
เครื่องมือสำหรับการทำให้เป็นส่วนตัว
ที่สุดของการทำให้เป็นส่วนตัว คือ การปรับขนาดของธุรกิจแบบเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมายแบบส่วนบุคคล ดังนั้น จึงต้องใช้เครื่องมือที่เป็นระบบและเหมาะสมของการทำตลาดแต่ละธุรกิจ สำหรับผู้เริ่มต้น เรามีคำแนะนำ ดังนี้
ตัวอย่างการตลาดส่วนบุคคล Personalized Marketing
“ การทำให้เป็นส่วนบุคคล” เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้คุณสามารถใช้ข้อมูลจากพฤติกรรมการ ซื้อของ ลูกค้ามาใช้ประโยชน์ ดังนั้น ความเป็นส่วนตัวที่ดีที่สุดมาจากที่ไหน? มาดูตัวอย่างเหล่านี้ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ มากขึ้น
วิดีโออาจเหมือนยากในการปรับแต่ง แต่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากจนเกินไป ตัวอย่างเช่น วิดีโอของ HubSpot Academy, Kyle Jepsen แบรนด์นี้อาจมีการซ้อนทับเพียงแค่ชื่อของผู้รับแต่ละคนบนไวท์บอร์ดในวิดีโอนี้ และเก็บสคริปต์ไว้ด้วยกันสำหรับแต่ละคน จะเห็นได้ว่า ไม่เพียงแค่การโพสต์แค่คน ๆ เดียว แต่ยังพูดถึงเพื่อนและ มีบทสนทนาที่เชื่อมต่อกัน
เมื่อสร้างโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต การปรับให้เป็นส่วนตัวนั้นสำคัญที่สุด ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตอบสนองต่อความเกี่ยวข้อง และความไว้วางใจ สิ่งใดนอกเหนือจากนั้นจะไม่ได้รับการแปลง การสร้างความเกี่ยวข้องและความน่าเชื่อถือ ผ่านการ ปรับเปลี่ยนในแบบของคุณจะต้องจับคู่โฆษณาและหน้า Landing Page หลังโฆษณาทุกแคมเปญ
การตลาดด้วยอีเมล ข้อความผ่านช่องทางนี้ มีความเป็นส่วนตัว และปรับแต่งได้มากด้วยการใช้เนื้อหาแบบไดนามิก สมาชิกอีเมลสามารถได้รับข้อเสนอที่ปรับให้เข้ากับข้อมูลลูกค้า บริษัท และพฤติกรรม
โซเชียลมีเดียได้กลายเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก Facebook สามารถปรับให้เข้ากับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย Facebook Pixel เป็นหนึ่งในเครื่องมือการกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในด้านการตลาด