

ในยุคที่การตลาดออนไลน์เป็นกุญแจสำคัญ ในการสร้างยอดขายและการสร้างการรับรู้แบรนด์ LINE Tag กลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมาก โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจออนไลน์ การตลาดดิจิทัล และการโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE วันนี้ IPlan Digital จะมาเจาะลึกว่า LINE Tag คืออะไร ทำงานอย่างไร และช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างการใช้งานจริงเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
LINE Tag คือ ชุดโค้ดจาวาสคริปต์ (JavaScript) ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ของแบรนด์หรือธุรกิจ โดยมีหน้าที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการคลิก ดูหน้า หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ บนเว็บไซต์นั้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะถูกนำไปใช้ในการวิเคราะห์การทำการตลาดออนไลน์ รวมถึงใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาและแคมเปญบนแพลตฟอร์ม LINE Ads
LINE Tag ประกอบไปด้วยโค้ดหลากหลายประเภท ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลและติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้บนเว็บไซต์ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์และปรับปรุง ประสิทธิภาพของการโฆษณา โดย LINE Tag แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
Base Code เป็นโค้ดที่ติดตั้งไว้บนทุกหน้าของเว็บไซต์ เพื่อเก็บข้อมูลการเข้าชมหน้าเว็บ (Page View) เป็นพื้นฐานสำหรับการเก็บข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะช่วยให้เห็นภาพรวมว่า ผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์มากน้อยแค่ไหนและเข้าชมหน้าใดบ้าง โดยข้อมูลจาก Base Code จะถูกส่งไปยังระบบของ LINE เพื่อใช้ในการวิเคราะห์การทำงานของแคมเปญโฆษณา
หากแบรนด์มีเว็บไซต์ที่มีหลายหน้า เช่น หน้าสินค้า หน้าโปรโมชั่น หรือหน้าบริการ สามารถติดตั้ง Base Code บนทุกหน้าเพื่อเก็บข้อมูลการเข้าชม รวมถึงดูว่าหน้าใดได้รับความสนใจมากที่สุด
Standard Event Code เป็นโค้ดที่ใช้สำหรับการติดตามพฤติกรรม ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์มาตรฐานที่เกิดขึ้นบ่อย เช่น การกดปุ่มต่าง ๆ การสมัครสมาชิก การดูสินค้า หรือการเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า โค้ดนี้ช่วยให้แบรนด์ สามารถติดตามกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ และนำข้อมูลไปใช้ในการทำโฆษณาเฉพาะกลุ่มหรือ Remarketing
หากผู้ใช้งานเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า แต่ยังไม่ได้ทำการซื้อ สามารถติดตั้ง Standard Event Code บนปุ่ม “เพิ่มสินค้าลงในตะกร้า” เพื่อติดตามพฤติกรรมนี้ และนำข้อมูลไปใช้ ในการส่งโฆษณากลับไปหาลูกค้า เพื่อกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อ
Custom Event Code เป็นโค้ดที่ช่วยให้ธุรกิจ สามารถติดตามเหตุการณ์เฉพาะที่ต้องการ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นเหตุการณ์มาตรฐานเหมือน Standard Event Code ตัวอย่างเช่น หากต้องการติดตามการกรอกแบบสอบถาม การดาวน์โหลดไฟล์ หรือการกดปุ่มที่ไม่ใช่เหตุการณ์มาตรฐาน แบรนด์สามารถกำหนด Custom Event Code ขึ้นมาเพื่อติดตามเหตุการณ์เหล่านั้นได้
หากมีแบบฟอร์มบนเว็บไซต์และต้องการทราบว่า มีผู้ใช้งานกรอกฟอร์มจำนวนเท่าใด สามารถสร้าง Custom Event Code สำหรับปุ่ม “ส่งฟอร์ม” เพื่อเก็บข้อมูลนี้ได้
Conversion Code เป็นโค้ดที่ใช้ติดตาม เมื่อผู้ใช้งานได้ทำการกระทำที่สำคัญ สำหรับธุรกิจจนเสร็จสมบูรณ์ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก การกรอกข้อมูลที่สำคัญ เป็นต้น Conversion Code ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณาได้ โดยดูว่าโฆษณาที่แสดงไป ทำให้เกิดการกระทำที่ต้องการหรือไม่
หากต้องการติดตามว่า มีผู้ที่ดูโฆษณาบน LINE Ads แล้วทำการซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือไม่ สามารถติดตั้ง Conversion Code บนหน้าขอบคุณ หลังจากการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น เพื่อให้รู้ว่าผู้ใช้งานคนใดที่เห็นโฆษณาและมาจบที่การซื้อสินค้า
โค้ดทั้ง 4 ประเภทของ LINE Tag มีบทบาทที่สำคัญ ในการช่วยธุรกิจติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ และยังช่วยให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลที่สำคัญ เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญการตลาดออนไลน์ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
LINE Tag เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อการทำการตลาดออนไลน์ ในหลากหลายมิติ ดังนี้
LINE Tag ช่วยให้แบรนด์ สามารถวัดประสิทธิภาพของโฆษณาบน LINE Ads ได้อย่างละเอียด โดยสามารถดูได้ว่าโฆษณาใดทำให้ลูกค้าคลิกเข้าเว็บไซต์มากที่สุด และแคมเปญใด ที่ก่อให้เกิดยอดขายหรือการลงทะเบียน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจปรับแผนการโฆษณา ได้ตรงจุดและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
ข้อมูลที่ได้จาก LINE Tag สามารถนำไปใช้ ในการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น ลูกค้าที่เคยดูสินค้าแต่ยังไม่ได้ซื้อ หรือกลุ่มคนที่เคยทำการซื้อสินค้าแล้ว เพื่อส่งโฆษณาที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่ม
หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญของ LINE Tag คือการทำ Remarketing ซึ่งหมายถึงการนำเสนอสินค้าและบริการให้กับลูกค้าที่เคยสนใจ หรือเคยเข้าเว็บไซต์แล้ว การทำ Remarketing นี้ช่วยเพิ่มโอกาส ในการเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าได้มากขึ้น
การเก็บข้อมูลพฤติกรรม การใช้งานเว็บไซต์ผ่าน LINE Tag ช่วยให้ธุรกิจได้รู้จักลูกค้ามากขึ้น เช่น ลูกค้าสนใจสินค้าประเภทใดบ้าง เข้ามาจากแหล่งไหนบ่อยที่สุด หรือใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์นานแค่ไหน ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์สามารถปรับปรุงสินค้า บริการ หรือเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ตัวอย่างการใช้งาน LINE Tag ที่เห็นได้ชัดคือ การนำมาใช้ในธุรกิจ E-commerce เช่น ร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายและติดตามพฤติกรรมของลูกค้า สมมติว่ามีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาในเว็บไซต์ เพื่อดูสินค้าหลายชิ้น แต่ยังไม่ได้ทำการซื้อ ด้วยการใช้ LINE Tag แบบ Conversion แบรนด์สามารถติดตามได้ว่า ลูกค้าคนนี้เคยสนใจสินค้าชิ้นไหนบ้าง จากนั้นสามารถทำการ Remarketing โดยการส่งโฆษณาสินค้าชิ้นเดิม ไปยัง LINE ของลูกค้าคนนั้น เพื่อกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อ
อีกตัวอย่างหนึ่งคือธุรกิจที่ให้บริการออนไลน์ เช่น เว็บไซต์จองที่พักหรือจองตั๋วเครื่องบิน การติดตั้ง LINE Tag ช่วยให้บริษัทเหล่านี้ สามารถวิเคราะห์ได้ว่าลูกค้าเข้ามาที่หน้าใดบ่อยที่สุด กำลังสนใจเส้นทางการบินไหน หรือวันเดินทางช่วงไหนเป็นที่นิยมมากที่สุด ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจ สามารถออกโปรโมชั่นหรือแคมเปญที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) การใช้ LINE Tag เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจ สามารถใช้ข้อมูลที่ได้จากการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ มาปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำโฆษณาอย่างแม่นยำ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือการออกแบบโปรโมชั่นที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
LINE Tag เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์ ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดออนไลน์ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำ Remarketing การสร้างกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้า เครื่องมือนี้เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจ E-commerce และ SME ที่ต้องการใช้ข้อมูล เพื่อขยายการตลาดและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความที่เกี่ยวข้อง: LINE Creative Lab คือ เครื่องมือออกแบบโฆษณาด้วยตัวเอง