

ถ้าต้องการให้บทความ SEO ที่เราเขียนได้รับความนิยมติดอันดับอยู่ในหน้าแรกของ Google ก็ไม่ควรมองข้ามความสำคัญของ “คีย์เวิร์ด” (Keyword) เพราะหากเลือกคีย์เวิร์ดได้ถูกต้องก็จะทำให้บทความของเราถูกค้นเจอในเว็บ Search Engine อย่าง Google หรือ YouTube ได้มากยิ่งขึ้น แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าคีย์เวิร์ดนั้นมีคนค้นหามากที่สุด วันนี้เรามีเทคนิคเกี่ยวกับการค้นหาคีย์เวิร์ดที่ใช่มาฝากกัน
ก่อนอื่นต้องเข้าใจเรื่องการค้นหาคีย์เวิร์ด (Keyword Research) เบื้องต้นเสียก่อนว่ามีความสำคัญต่อการทำ SEO ทั้งส่วนที่เป็นหัวข้อบทความ, On-page SEO (การทำ SEO ในเว็บไซต์ให้ติดอันดับ), Email Outreach (การส่งลิงก์บทความไปยังกลุ่มเป้าหมายทางอีเมล) รวมถึงการโปรโมตคอนเทนต์ด้วย ทำให้การค้นหาคีย์เวิร์ดเป็นขั้นตอนแรกหรือเป็นเข็มทิศสำหรับการทำแคมเปญ SEO นั่นเอง
นอกจากนี้ Keyword Research ยังช่วยให้เราเข้าใจกลุ่มที่เป็นเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้นด้วย เพราะการค้นหาคีย์เวิร์ดทำให้เราได้รู้ว่าลูกค้ากำลังมองหาอะไร และได้รู้ว่าลูกค้าใช้คำค้นหาหรือวลีอะไร จึงทำให้ Keyword Research เปรียบได้กับการวิจัยด้านการตลาดในยุคศตวรรษที่ 21 เลยทีเดียว
Keyword Research คือปัจจัยอันดับ 1 ที่ทำให้มีคนเข้าเว็บไซต์จำนวนมาก ซึ่งการใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่มีการแข่งขันกันสูงมาก ส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในหน้าแรกของ Google ได้ และทำให้มีคนเข้ามาอ่านบทความนั้น ๆ ในเว็บไซต์เป็นประจำทุกเดือน
เมื่อทราบถึงความสำคัญของคีย์เวิร์ดแล้ว ก็ได้เวลาในการหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับบทความของเรา โดยต้องถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าหัวข้อที่คนค้นหากันนั้นมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราตรงไหนบ้าง เพื่อนำไปวางกลยุทธ์ต่อได้ว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในส่วนไหน เช่น โซเชียลมีเดีย, Email marketing, คอนเทนต์การตลาด, บล็อก, โฆษณาแบบ Pay Per Click (PPC) เป็นต้น เมื่อได้หัวข้อมาแล้วมาลองดูวิธ๊กันว่าทำอย่างไรได้บ้าง
1) ใช้ Wikipedia หาคีย์เวิร์ด
Wikipedia เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี มีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ และถูกจัดเรียงอย่างเป็นระบบระเบียบ โดยวิธีการใช้ Wikipedia หาคีย์เวิร์ดทำได้ดังนี้
2) ค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหา
อีกวิธีหนึ่งที่เข้าท่าไม่แพ้กัน คือการค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราค้นหา ซึ่งจะอยู่ด้านล่างสุดของหน้าค้นหาใน Google โดยมาเลื่อนลงมาดูจะพบว่ามีคีย์เวิร์ดที่ใกล้เคียงกับที่เราค้นหาให้เลือกอีก 8 คีย์เวิร์ดเลยทีเดียว
3) ค้นหาคีย์เวิร์ดจาก Reddit
Reddit เป็นเว็บบอร์ดชื่อดังของฝั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่ละเนื้อหาจะถูกแบ่งย่อยตามหัวข้อ เรียกว่า “Subreddit” เมื่อเข้าไปใน Reddit แล้วค้นหาหัวข้อด้วยคำค้นหากว้าง ๆ ที่เกี่ยวกับสินค้าที่เราต้องการขาย จากนั้นให้กดเข้าไปดู Subreddit นั้น ๆ แล้วจะเห็นว่ากระทู้ใด้รับความนิยมมีคนเข้าไปคอมเมนต์เยอะ ซึ่งสามารถนำมาเป็นคีย์เวิร์ดได้
นอกจากนี้ คีย์เวิร์ดใน Reddit ที่เรียกว่า “Keyworddit” ถือว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีที่ไม่ต้องเสียเงินในการหาค้นหาคีย์เวิร์ดด้วย โดยจะมียอดค้นหาประจำเดือนแสดงให้เห็นว่ามีมากน้อยเพียงใด
4) ใช้คำค้นหาที่ Google และ YouTube แนะนำ
Google มักจะแนะนำคีย์เวิร์ดยอดนิยมมาให้ ซึ่งคำที่ Google แนะนำมานั้นถือว่าเป็นคีย์เวิร์ดที่ดี เพราะเป็นคำที่คนจำนวนมากใช้ในการค้นหากันนั่นเอง ซึ่งนอกจากนี้ คำค้นหาที่ Youtube แนะนำก็สามารถนำมาใช้เป็นคีย์เวิร์ดได้ไม่ต่างกัน
5) ค้นหาหัวข้อยอดนิยม จากการใช้ Forum
Forum เป็นอีกช่องทางที่จะทำให้เราได้หัวข้อดี ๆ มาต่อยอดในการหาคีย์เวิร์ด เพราะเป็นบอร์ดสนทนาที่มีคนเข้าไปพูดคุยกันได้สด ๆ ตลอดเวลา ซึ่งวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่เป้าหมายของเราอยู่ด้วย คือการพิมพ์ข้อความค้นหาผ่าน Google โดยให้พิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการ + Forum หรือเว็บบอร์ดที่ต้องการ
เมื่อค้นเจอ Forum ที่ต้องการแล้ว จะเห็นได้ว่า Forum จะแบ่งเป็น Section ไว้อยู่แล้ว และ Section เหล่านี้ ถือเป็นแหล่งหาคีย์เวิร์ดชั้นเยี่ยมสำหร้บการทำ SEO และยังสามารถเข้าไปดูเนื้อหา หรือปัญหาที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายโพสต์ไว้ในนั้นได้ด้วย
เครื่องมือที่ใช้ทำ Keyword Research จะช่วยให้การค้นหาคีย์เวิร์ดของเราง่ายขึ้นมาก ซึ่งมีเครื่องมือยอดนิยมอะไรบ้าง เรามีมาฝากกัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคีย์เวิร์ดยอดนิยมที่เราเลือกมาใช้นั้น มักจะมีการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งก็อาจจะทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับในหน้าแรก แต่ถ้าเลือกคีย์เวิร์ที่ไม่มีคู่แข่งใช้เยอะก็มีโอกาสสูงมากที่บทความของเราติดอยู่ในอันดับท็อป 3 ได้เช่นกัน และนี่คือวิธีที่จะช่วยให้เห็นว่าคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้งานนั้นมีระดับแข่งขันเป็นอย่างไร
หากเป็นเว็บไซต์หน้าใหม่ หรือต้องการให้คีย์เวิร์ดที่ใช้ไม่มีคู่แข่งแบบ 100% ก็ต้องใช้คีย์เวิร์ดยาว ๆ (Long Tail Keyword) ซึ่งเป็นวลีที่มีมากกว่า 4 คำขึ้นไป และมีข้อความเฉพาะเจาะจง โดยจะตัดปัญหาเรื่องคู่แข่งไปได้ เพราะปริมาณในการค้นหาคำเหล่านี้จะมีเพียง 10-200 ครั้ง/เดือน
การค้นหาคีย์เวิร์ดที่ต้องการ โดยดูอันดับของบทความที่อยู่ในหน้าแรกของ Google หากพบว่ามีแต่เว็บไซต์ดัง ๆ (เช่น Wikipedia) ก็อาจจะต้องมองหาคำคีย์เวิร์ดอื่น ๆ แทน แต่ถ้ามีเว็บไซต์ หรือบล็อกเล็ก ๆ ติดอันดับอยู่ในหน้าแรกด้วย ก็มีโอกาสที่เว็บไซต์ของเราจะขึ้นมาติดหน้าแรกของ Google ได้เช่นกัน
จากที่ก่อนหน้านี้เราได้แนะนำเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดอะไรบ้าง ก็นำคำคีย์เวิร์ดที่ต้องการไปใส่ในเครื่องมือเหล่านั้น เพื่อเช็กว่ามีคู่แข่งที่ใช้คำค้นหานั้น ๆ มีสัดส่วนมากน้อยเพียงใด และคียเวิร์ดที่ใช้มีระดับความยากง่าย (Keyword Difficulty) อย่างไร ซึ่งเครื่องมือที่มีฟีเจอร์นี้อยู่ด้วย ได้แก่ SEMrush, Ahrefs, KWFinder, Moz Pro ขณะที่ CanIRank เป็นเครื่องมือที่พุ่งเป้าไปที่ Keyword Difficulty เพียงอย่างเดียว โดยจะประเมินค่าความยากของคีย์เวิร์ดด้วยการจัดอันดับให้เห็นอย่างชัดเจน
หลังจากได้ลิสต์คีย์เวิร์ดมาแล้ว ก็ได้เวลามาเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุด ซึ่งหลักในการเลือกคีย์เวิร์ด ต้องพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
หากนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดสำหรับการทำบทความ SEO ก็จะช่วยเว็บไซต์ของคุณติดอันดับอยู่ในหน้าแรกของ Google ได้ง่ายขึ้น แม้มีคู่แข่งอยู่มากมายก็ตาม
ที่มา: backlinko
บทความที่เกี่ยวข้อง: เคล็ดลับ ทำ SEO สู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอันดับบน google