

ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ CRM หรือไม่?
6 ปัจจัยที่ควรคำนึงถึง เมื่อนำซอฟต์แวร์ CRM มาใช้กับธุรกิจของคุณ
วิธีเลือกซอฟต์แวร์ CRM ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
หากการดำเนินธุรกิจของคุณขึ้นอยู่กับลูกค้าเป็นหลัก และมีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหลากหลายช่องทาง แต่ไม่ได้นำระบบ CRM (Customer Relationship Management) เข้ามาช่วยในการเก็บข้อมูลลูกค้า การปิดการขายที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายก็จะใช้เวลามากขึ้น เนื่องจากการติดตามข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายทั้งที่เป็นลูกค้าและกลุ่มที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้า (Lead) ทำได้ค่อนข้างลำบากนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ซอฟต์แวร์ CRM จึงเข้ามาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการสนทนากับลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ และสามารถติดตามข้อมูลของลูกค้าได้ตั้งแต่เริ่มต้นการสนทนาไปจนกระทั่งปิดการขาย ทั้ง Live Chat, โทรศัพท์, การออกใบสั่งงานผ่านระบบ Ticket รวมถึงนำข้อมูลที่ระบบวิเคราะห์มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งธุรกิจที่มีกลยุทธ์ CRM ที่แข็งแกร่ง จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้
หากไม่แน่ใจว่าธุรกิจของคุณจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ CRM เพื่อบริหารจัดการลูกค้าหรือไม่ ลองเช็กดูก่อนว่าธุรกิจของคุณมีสัญญาณเตือนเหล่านี้หรือไม่ เพราะนี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาที่ต้องให้ซอฟต์แวร์ CRM เข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว
ข้อมูลของลูกค้าถูกจัดเก็บอย่างไม่เป็นระบบ เช่น จัดเก็บในรูปแบบ Spreadsheet , นามบัตรลูกค้า หรือบันทึกในระหว่างการประชุม
ทีมงานแต่ละฝ่าย อาทิ ฝ่ายขาย, การตลาด และลูกค้าสัมพันธ์ ทำงานโดยไม่มีการประสานงานกัน การสื่อสารระหว่างทีมจึงไม่ราบรื่นจนทำให้การดูแลลูกค้าบกพร่อง ไม่ได้มาตรฐาน
เมื่อมีการลาออกของพนักงาน ธุรกิจของคุณต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการฝึกอบรมพนักงานใหม่ เพื่อให้รับทราบถึงความต้องการของลูกค้าที่มาซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ
ฝ่ายขายมองว่าไม่สามารถติดตามรายละเอียดต่าง ๆ ของลูกค้าได้ครบถ้วน เมื่อฐานลูกค้าเติบโตหรือเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ประสบปัญหาในการอัปเดตข้อมูลให้ทีมงานได้รับทราบเกี่ยวกับสถานะการจำหน่ายสินค้า หรือการส่งเอกสาร เช่น คำสั่งซื้อ หรือใบวางบิล ซึ่งถือเป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมการขาย
ประสบปัญหาในการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เนื่องจากไม่สามารถหารูปแบบการสื่อสาร หรือทำให้การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นแบบส่วนตัวหรือเฉพาะบุคคลได้
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นว่าเพราะเหตุใดธุรกิจของคุณสมควรใช้ซอฟต์แวร์ CRM เข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า นี่คือ 6 ข้อดีของซอฟต์แวร์ CRM ที่เราสรุปมาให้
CRM สามารถช่วยระบุ ดูแล และติดตามกลุ่ม Lead ที่มีคุณภาพให้กับธุรกิจของคุณได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรไปกลุ่ม Lead ที่อาจจะไม่ได้เป็นลูกค้าในอนาคต และเมื่อรวมกับขั้นตอนการขายที่ลดลง ซอฟต์แวร์ CRM จึงช่วยให้คุณกำหนดทิศทาง Lead ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้เวลาสั้นลงในการทำให้ลูกค้าที่พึงพอใจการให้บริการ จึงช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณได้
ด้วยกระบวนการทางธุรกิจที่ทรงประสิทธิภาพของ CRM จึงช่วยให้ทีมงานของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจได้ว่าทีมงานจะปฏิบัติตามมาตรฐานหากดำเนินงานตามกระบวนการต่าง ๆ ที่วางไว้ ซึ่งทีมขายจะโฟกัสกับการปิดการขาย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับงานที่ซอฟต์แวร์ CRM สามารถช่วยดำเนินการได้
สามารถวางใจได้ว่าข้อมูลของลูกค้าจะปลอดภัย เพราะได้รับการปกป้องด้วยกลไกการรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุด และหากคุณดำเนินธุรกิจกับลูกค้าฝั่งยุโรปก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด เนื่องจาก CRM จะนำเสนอคุณลักษณะที่สอดคล้องและปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฏหมาย GDPR (General Data Protection Regulation) ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำทำให้คุณสามารถนำมาใช่ในการตัดสินใจวางกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์เทรนด์การตลาดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้รายงานที่ได้จาก CRM อย่างละเอียดยังช่วยให้คุณเห็นการทำงานของทีมงานด้วยว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด และมีจุดไหนที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น
ด้วยแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานผ่านมือถือได้ จึงทำให้ทีมงานของคุณสามารถเข้าถึงข้อมูล CRM ที่สำคัญได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม โดยทีมขายที่อยู่ภาคสนามสามารถดึงข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง และเข้าไปพูดคุยกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ ให้ทุกคนทราบได้ผ่านแอปฯ มือถือได้ด้วย
CRM ช่วยให้ทีมงานของคุณมีประวัติข้อมูลของลูกค้าทั้งหมด รวมถึงมีข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่คล้ายคลึงกับที่ทีมงานเคยพบอด้วย ซึ่งการที่ข้อมูลถูกรวบรวมไว้ที่เดียวกัน จึงทำให้ทีมสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้งานได้ และตอบข้อสงสัยของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว จึงมั่นใจได้ว่าจะสร้างพึงพอใจและความประทับใจให้กับลูกค้าได้
83 เปอร์เซ็นต์ของเจ้าของธุรกิจต่างยอมรับว่าความท้าทายมากที่สุดของพวกเขา คือการโน้มน้าวให้พนักงานใช้งานซอฟต์แวร์ CRM ดังนั้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการเลือกซอฟต์แวร์ CRM ที่มี Interface เรียบง่าย สะอาดตา และสามารถเรียนรู้การใช้งานได้ง่าย
เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป้าหมายทางธุรกิจของคุณคือการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อแซงหน้าคู่แข่งให้ได้ ดังนั้นซอฟต์แวร์ CRM ที่เลือกใช้งานจะต้องสามารถเติบโตไปพร้อมกับทีมและธุรกิจของคุณได้ และก้าวทันธุรกิจในปัจจุบัน
ควรเลือกซอฟต์แวร์ CRM ที่มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัส, การจำกัด IP ของผู้ใช้งาน, มีการบันทึกการตรวจสอบ และมีการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน เพื่อให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจได้โดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลของลูกค้าจะรั่วไหล หรือถูกโจมตีจากแฮกเกอร์
ให้ความสำคัญกับการเลือกซอฟต์แวร์ CRM ที่สามารถปรับแต่งได้ง่ายเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจคุณได้ โดยเป็น CRM ที่สามารถเพิ่มโมดูลเพิ่มเติมได้, สามารถปรับแต่งกระบวนการทำงานได้ตามที่ต้องการ รวมถึงสามารถทำงานซ้ำ ๆ ตามเวิร์กโฟลว์ได้อย่างอัตโนมัติ
เพื่อให้การทำงานของทีมขายเป็นไปอย่างราบรื่น ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องอำนวยความสะดวกให้ทีมงานเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็สามารถดูข้อมูลผ่านมือถือได้ เพื่อจะได้ช่วยปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่า ซอฟต์แวร์ CRM ที่เลือกใช้สามารถย้ายข้อมูลของลูกค้าจากแหล่งข้อมูลปัจจุบัไปยังซอฟต์แวร์ CRM ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบ Spreadsheet, CSV หรือ API เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อย้ายข้อมูลไปยังระบบใหม่แล้วจะสามารถเริ่มใช้งานได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องฟอร์แมตข้อมูลใหม่
เมื่อตัดสินใจใช้ซอฟต์แวร์ CRM สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกคือ การเลือกว่าจะใช้ซอฟต์แวร์ CRM บนระบบคลาวด์ (Cloud CRM) หรือเลือกใช้ในสถานที่ (On-Premise CRM) ซึ่งทั้งสองแบบมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ต่างกันไปด้งนี้
ที่มา: zoho.com
บทความที่เกี่ยวข้อง: CRM คืออะไร? เพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจได้อย่างไร?